แสงยูวีคืออะไร?
แสงยูวี จัดอยู่ในช่วงแสงที่ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า (Invisible Light Wavelength) ซึ่งมีความยาวคลื่นสั้นกว่าช่วงที่แสงที่มองเห็นได้ (Visible Light Wavelength) แต่ยาวกว่ารังสี X-Rays คุณสมบัติพิเศษของแสงยูวีคือมีพลังงานสูงเป็นพิเศษทำให้มีความสามารถในการ ส่องทะลุผ่านผิววัตถุได้ง่ายกว่าแสงที่เห็นทั่วๆไป
แสงยูวีมาจากไหน?
แหล่งกำเนิดของแสงยูวีมีมากมายทั้งที่มาจากธรรมชาติซึ่งก็คือดวงอาทิตย์ และที่มาจากการสังเคราะห์ขึ้นเองโดยมนุษย์ ได้แก่ Black Light, UV Lamp, UV LEDs, UV Laser เป็นต้น แต่อย่างไรก็ตามแหล่งกำเนิดที่ใหญ่ที่สุดก็คือดวงอาทิตย์นั่นเอง โดยธรรมชาติแสงที่มาจากดวงอาทิตย์จะเป็น สเปคตรัมที่ประกอบด้วยแสงหลายๆความยาวคลื่นเข้าด้วยกัน ได้แก่ Radio waves, Infrared, Visible Light, X-Rays, Gamma Rays และ Cosmic Rays โอโซนในชั้นบรรยากาศจะทำหน้าที่ดูดซับปริมาณส่วนมากของแสงยูวีเพื่อป้องกัน ไม่ให้เป็นอันตรายต่อมนุษย์ ส่วนที่ทะลุผ่านมาถึงผิวโลกได้โดยมากจะเป็นแสงยูวีประเภท UVA
แสงยูวีมีกี่ประเภท?
แสงยูวี สามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ประเภทตามช่วงความยาวคลื่น ได้แก่ UVA (320-400 nm) UVB (280-320 nm) และ UVC (200-280 nm) โดยแสงยูวีประเภท UVC จะมีความยาวคลื่นน้อยสุดส่งผลให้มีพลังงานสูงสุดในกลุ่มตามไปด้วย
แสง ยูวีประเภท UVA; มีความยาวคลื่นมาก มักรู้จักกันในนาม "Black Light" ถูกใช้ในการทำ Skin Tanning และการรักษาโรคที่เกี่ยวกับความผิดปกติที่เกี่ยวข้องกับผิวหนัง
แสงยูวีประเภท UVB; มีความยาวคลื่นระดับกลาง สามารถส่งผลอันตรายต่อผิวหนังและตาได้ โดยมากจะดูดซับไว้โดยชั้นโอโซนของโลก
แสง ยูวีประเภท UVC; มีความยาวคลื่นสั้นที่สุด มักถูกนำไปใช้ประโยชน์เกี่ยวกับการฆ่าเชื้อโรคในอากาศ พื้นผิวและน้ำ ระดับความยาวคลื่นที่ 253.7 nm จะส่งผลให้ประสิทธิภาพการฆ่าเชื้อมี มากที่สุด อย่างไรก็ตามแสงยูวีประเภทนี้มีอันตรายต่อผิวหนังและตามากที่สุดในกลุ่ม
อะไรคือระบบ UVGI?

"UVGI" ย่อมาจาก Ultraviolet Germicidal Irradiation หมายถึงระบบการใช้แสงยูวีที่มีความเข้มข้นสูงพิเศษ (Germicidal Range) เพื่อฆ่าและทำลายเชื้อโรคต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น Virus Bacteria Fungi และ Yeast & Mold ที่อยู่บนพื้นผิวและในอากาศ
หาก เชื้อโรคต่างๆได้รับปริมาณแสงยูวีที่ช่วงความยาวคลื่นของแสง UVC และระยะเวลาที่เพียงพอ (Dosing) แสงยูวีนี้สามารถทะลุทะลวงเข้าในระบบสืบพันธุ์ (DNA) และทำให้เชื้อโรคเหล่านั้นตายในที่สุดได้
หากระบบ UVGI ได้รับการคำนวณออกแบบอย่างถูกต้องและเหมาะสม แสงเหล่านี้จะช่วยลดปริมาณเชื้อโรคในอากาศ (Microbial Content) ป้องกันการเกิดโรคติดต่อทางระบบหายใจ (Respiratory Airborne Diseases) อาทิเช่น ไข้หวัด2009 (H1N1) ไข้หวัดนก (H5N1) วัณโรค (Tuberculosis) แม้กระทั่ง Anthrax และอาการภูมิแพ้ หอบหืดจากสารจำพวก Allergens รวมทั้งยกระดับคุณภาพอากาศภายในอาคาร (Indoor Air Quality) ได้ด้วยการลงทุนไม่มากนัก
แหล่งที่มา: http://www.sanuvox.com